แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย peeraya เมื่อ 15-10-2012 12:00 PM
คนไทยยุคนี้น้อยนักจะรู้จัก และได้เห็นตาน้ำ...
ตาน้ำเป็นศัพท์แสงชาวบ้าน เปรียบเสมือนดวงตาของน้ำก็ได้ หรือเป็นตัวส่งให้ก่อกำเนิดสิ่งใหม่อย่างอื่น เช่น ตาดอกของต้นไม้ ที่พร้อมพัฒนาเป็นดอกหรือใบอ่อน ตาน้ำก็จะพัฒนาตัวเองเป็นแหล่งน้ำต่อไป
บนเทือกเขาสูง สภาพป่าสมบูรณ์ เบื้องล่างลึกลงไปของผืนดินบริเวณนั้นเป็นแหล่งเก็บกักน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ โดยมีตาน้ำจำนวนมาก ทำหน้าที่คอยปลดปล่อยหยดน้ำออกมา ทีละน้อยๆ คล้ายก๊อกน้ำประปาปิดไม่สนิท สะสมจนเป็นแอ่งน้ำหรือวังน้ำ เมื่อปริมาณมากเข้าก็จะไหลลงสู่พื้นที่ต่ำกว่า กระทั่งไหลลงโตรกผาชันก็เป็นน้ำตก เป็นธารน้ำไหลลงสู่เบื้องล่าง
หลายลำธารรวมกันก็กลายเป็นลำน้ำ หลายลำน้ำมาบรรจบกัน กลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่ไหลลงไปเรื่อยๆ จนออกสู่ทะเล
เทือกเขาสูงและป่าไม้ จึงมีความสำคัญยิ่งในฐานะแหล่งเก็บกักน้ำธรรมชาติจากน้ำฝนที่ตกลงมากระทบเรือนยอดไม้แล้วค่อยไหลลงสู่พื้นล่าง ส่วนจะเก็บน้ำได้มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับสภาพป่าและดิน ถ้าเป็นป่าดิบเขาจะเก็บกักน้ำได้มากกว่าป่าเบญจพรรณ แถมยังมีโอกาสที่ฝนตกมากกว่า เช่นเดียวกับคุณภาพน้ำ น้ำจากภูเขาหินแกรนิตก็จะบริสุทธิ์กว่าน้ำจากภูเขาหินปูน
สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถจึงทรงเปรียบเปรยว่า
หากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ พระองค์ก็จะเป็นป่า มีความหมายว่า ป่าจะเป็นตัวช่วยซึมซับเก็บกักน้ำตามธรรมชาติ ช่วยให้มีน้ำตลอดเวลา ป่ากับน้ำจึงเป็นสองแรงแข็งขันเกื้อกูลกัน และสร้างสรรค์ประโยชน์อเนกอนันต์ต่อวิถีชีวิตคนไทย พระองค์จึงทรงเฝ้าย้ำเตือนอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม ของทุกปี ทรงเรียกร้องให้ราษฎรและเจ้าหน้าที่รัฐ ตระหนักและช่วยกันรักษาป่าต้นน้ำลำธาร เพราะไม่มีป่าก็ไม่มีน้ำ คนไทยทั้งประเทศจะพากันเดือดร้อนถ้วนหน้า
พื้นที่ป่าวังน้ำเขียว ป่าทับลาน ป่าเขาใหญ่ และสารพัดป่า ที่ตกเป็นข่าวถูกบุกรุกเพื่อสร้างรีสอร์ท โรงแรม กระทั่งพื้นที่เพาะปลูก จึงเป็นการทำลายป่าต้นน้ำ ทำร้ายตัวเองในอันที่จะลดความสมบูรณ์ของแหล่งเก็บกักน้ำธรรมชาติ ซ้ำยังมีโอกาสที่จะทำให้ดินถล่มสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน
นอกจากแหล่งเก็บกักน้ำตามธรรมชาติอย่างป่าต้นน้ำแล้ว ยังต้องมีแหล่งเก็บกักน้ำโดยมีมือมนุษย์ คอยช่วยประคับประคอง ส่วนหนึ่งรับน้ำฝนโดยตรง อีกส่วนหนึ่งรับน้ำส่วนเกินจากป่าควบคู่ไปด้วย อาทิ อ่างเก็บน้ำ ฝาย สระน้ำ รวมถึงพื้นที่แก้มลิง พื้นที่ลุ่มต่ำ เพื่อช่วยบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพในยามที่ธรรมชาติไม่เป็นไป ทั้งในฤดูฝนและฤดูแล้ง
อ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ อันเป็นนามพระราชทาน ก็เป็นแหล่งเก็บกักน้ำที่มีศักยภาพในลุ่มน้ำน่าน ช่วยให้พื้นที่การเกษตรนับล้านไร่มีน้ำเพาะปลูก และยังพัมนาขยายโครงการข่ายแม่น้ำน่านเป็น เขื่อนทดน้ำนเรศวร จ.พิษณุโลก และเขื่อนทดน้ำผาจุก จ.อุตรดิตถ์ โดยมีเป้าหมายสุดท้ายเป็นเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำน่านทั้งมวล
ป่ากับน้ำ จึงเป็นหนึ่งเดียวกัน ภายใต้สาแหรกเดียวกัน ด้านหนึ่งจำเป็นต้องอนุรักษ์ อีกด้านจำเป็นต้องพัฒนา ควบคู่กันอย่างเหมาะสมเพื่อประโยชน์สุขยังยืนอย่างแท้จริง
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : คอลัมน์บทความพิเศษ "น้ำเพื่อชีวิต เพื่อเศรษฐกิจไทย"
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชน รายวัน รายสัปดาห์ ช่วงปี พ.ศ.2552-2554
รวบรวมและจัดทำเผยแพร่โดย กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน
กรมชลประทาน เมษายน 2555