แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย watchara เมื่อ 25-10-2012 11:06 AM
" อู่ข้าว อู่น้ำ ในวิถีจักรีวงศ์ "
การดำรงสภาพการเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ของประเทศ นับแต่สมัยสุโขทัยจนถึงสมัยอยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์นั้น น่าจะไม่ราบรื่นนัก ด้วยเงื่อนไขปัจจัยที่แตกต่างและแปรเปลี่ยน การติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ เป็นเหตุผลสำคัญทำให้สินค้าเกษตรไทยได้รับการอุ้มชุส่งเสริมการผลิตมากขึ้นทั้งข้าว น้ำตาล พริกไทย
ที่ราบลุ่มน้ำเจ้าพระยาครอบคลุมพื้นที่ภาคกลางหลายจังหวัด เป็นแหล่งปลูกข้าวสำคัญตั้งแต่โบราณกระนั้นก็ปลูกได้ในขอบเขตจำกัด เฉพาะบริเวณใกล้สองฝั่งแม่น้ำหรือลำคลอง แม้มีการขุดคลองส่งน้ำเข้าพื้นที่เพาะปลูก ก็ต้องรอน้ำขึ้นจากแม่น้ำเท่านั้น สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น นับแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกรัชการที่ 1 ปฐมบรมราชวงศ์จักรี การพัฒนาแหล่งน้ำยังจำกัด ด้วยเหตุมีการย้ายเมืองหลวงมาที่กรุงเทพฯ และยังเผชิญศึกสงครามกับพม่า ส่วนใหญ่จะใช้ประโยชน์จากน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค การคมนาคมขนส่ง และเป็นคูเมืองป้องกันพระนคร มีการขุดคลองในรัชสมัยต่อมา ทั้งเพื่อการขนส่งสินค้า การเพาะปลูก จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 มีการขุดคลองขยายอาณาเขตพระนครเนื่องจากประชากรมากขึ้นพร้อมๆขยายพื้นที่ทำนาถึงกระนั้นผลผลิตข้าวไม่ได้เพิ่มมากนัก
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีทั้งการขุดคลองใหม่ขึ้นมากมาย พร้อมทั้งขุดลอกคลองเก่าที่ตื้นเขิน และวางระบบการพัฒนาแหล่งน้ำที่ถูกต้องตามหลักวิชาการอย่างจริงจัง และกระจายประโยชน์จากแหล่งน้ำไปสู่ราษฏรมากขึ้น ที่สำคัญได้ทรงวางรากฐานงานด้านการชลประทาน ด้วยการจัดตั้งกรมคลอง หรือ กรมชลประทาน ซึ่งมีบทบาทอย่ามากในปัจจุบัน เชื่อมต่อถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 6 อาจเรียกได้ว่ามีการกำหนดยุทธศาสตร์ข้าวของประเทศโดยรายงานของผู้เชี่ยวชาญชาวอังกฤษระบุว่าหากจะให้ไทยเป็นแหล่งปลูกข้าวสำคัญของโลกก็ต้องพัฒนาระบบชลประทานที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ
เขื่อนพระราม 6 ถือเป็นโครงการชลประทานตามหลักวิศวกรรมแห่งแรกของประเทศไทยถือกำเนิดในรัชกาลนี้และก่อให้เกิดโครงการต่อเนื่องอีกมากมายในรัชสมัยต่อๆ มา
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชรัชการที่ 9 พระองค์ทรงมีส่วนสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยส่งข้าวออกมากเป็นอันดับ 1ของโลกติดต่อมากกว่า 10 ปี เพราะทรงตระหนักถึงความสำคัญของน้ำและพระราชทางโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกว่า 3,000 โครงการ มีทั้งการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ขนาดกลางและขนาดเล็ก กระจายสร้างความอยู่ดีกินดีให้ราษฏรไปทั่วประเทศ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่มา : คอลัมน์บทความพิเศษ "น้ำเพื่อชีวิต เพื่อเศรษฐกิจไทย" ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชน รายวัน รายสัปดาห์ ช่วงปี พ.ศ.2552-2554
รวบรวมและจัดทำเผยแพร่โดย กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน
กรมชลประทาน เมษายน 2555