ทุก ๆ เทศกาลปีใหม่ เราทุกคนมักจะมอบความสุข ของขวัญ รวมไปถึงคำอวยพรดี ๆ ให้กับคนที่เรารัก แต่สำหรับชาวไทยทุกคน คงไม่มีของขวัญ หรือคำอวยพรใดที่ยิ่งใหญ่กว่า "พรที่ได้รับจากในหลวง" หรือ ส.ค.ส.พระราชทาน จากในหลวง และถือว่า ปวงชนชาวไทยนั้นโชคดีเป็นอย่างมาก ที่พระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่ง ได้มอบบัตรส่งความสุข หรือ ส.ค.ส. พระราชทานให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่คนไทยทุกปีมาโดยตลอด
ซึ่งความเป็นมาของ ส.ค.ส. พระราชทานนั้นเริ่มมาจากในทุก ๆ วันสิ้นปีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพร เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงและสถานีโทรทัศน์ทุกสถานี นอกจากนี้ ยังทรงปลีกเวลาจากพระราชกรณียกิจ มาปรุแถบโทรพิมพ์ (เทเล็กซ์) พระราชทานพรปีใหม่ แก่เจ้าหน้าที่ผู้ถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท ซึ่งส.ค.ส.พระราชทานแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในเดือนธันวาคม ๒๕๒๙ ซึ่งเป็น ส.ค.ส. พระราชทานสำหรับปี ๒๕๓๐ โดยทรงใช้รหัสแทนพระองค์ว่า กส.๙ เช่นเดียวกับที่ทรงใช้ติดต่อทางวิทยุสื่อสาร ทรงระบุท้ายโทรพิมพ์ว่า กส.๙ ส.ค.ส.พระราชทาน ที่เป็นโทรพิมพ์เหล่านี้ เริ่มเผยแพร่สู่สาธารณชน เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๐ เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น จึงได้ทรงเริ่มต้นประดิษฐ์ ส.ค.ส.พระราชทาน ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนพระองค์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๑ โดยทรงพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ขาวดำ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้โทรสาร (แฟกซ์) พระราชทานไปยังหน่วยงานต่างๆ โดยข้อความใน ส.ค.ส.พระราชทาน แต่ละปีจะประมวลขึ้นจากเหตุการณ์บ้านเมือง เพื่อสะท้อนให้เห็นปัญหา และอุปสรรคต่างๆ ที่ประเทศไทยต้องประสบ ในรอบ ๑ ปีที่ผ่านมา ในปีต่อๆ มา หนังสือพิมพ์รายวันได้นำลงตีพิมพ์ในฉบับเช้าวันที่ ๑ มกราคม เพื่อให้พสกนิกรได้ชื่นชมอย่างทั่วถึง นับแต่ทรงใช้คอมพิวเตอร์ประดิษฐ์ ส.ค.ส. พระราชทาน ทรงเปลี่ยนแปลงคำลงท้ายของ ส.ค.ส.พระราชทาน เป็น ก.ส.๙ ปรุง เนื่องจากทรงเปลี่ยนจากการ "ปรุ" ด้วยโทรพิมพ์ เป็นการ "ปรุง" ด้วยคอมพิวเตอร์ ถัดจากนั้น จะทรงระบุวันและเวลาที่ทรงประดิษฐ์ขึ้น เป็นรูปแบบเฉพาะ
นอกจากนี้ รูปแบบของ ส.ค.ส.พระราช ทาน จากปีแรก ซึ่งยังไม่มีการตกแต่งลวดลายใดๆ ข้อความที่ปรากฏอยู่ มีใจความสั้น กระชับ เรื่อยมาจนถึงช่วงระหว่างปี ๒๕๓๒ - ๒๕๓๗ ได้เริ่มมีการประดับประดาเป็นรูปทรง ส.ค.ส. มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นลายเส้นตรง เส้นเฉียง รูปดาวต่างๆ จนกระทั่งปี ๒๕๓๘ เป็นต้นมา ลวดลายที่ปรากฏจะยากขึ้นตามลำดับ มีภาพเครื่องดนตรีหลากชนิด ภาพหัวใจ ภาพประกอบในพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นจากฝีพระหัตถ์แห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสิ้น
และเป็นที่ทราบกันดีว่า ส.ค.ส.พระราชทานทุกปี ล้วนมีความหมายลึกซึ้งซ่อนอยู่ภายใน ไม่ว่าจะเป็นโดยตรงจากข้อความ จากลวดลาย หรือแม้กระทั่งสีสันที่ปรากฏ ซึ่งเราสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ส.ค.ส. ที่พระองค์พระราชทานในแต่ละปี ล้วนเป็นสีขาว - ดำ ซึ่งเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงต้องการสะท้อนให้คนไทยได้เห็นถึงตัวอย่างของความประหยัด มัธยัสถ์ สิ่งของหลายๆ สิ่งแม้จะไม่มีสีสันดึงดูดตา แต่ก็มากมายด้วยความหมาย พระองค์พยายามทำทุกสิ่ง ให้เกิดประโยชน์ตลอดเวลา ทรงรักความเรียบง่าย ยึดมั่นในความหมาย และคุณค่าของสรรพสิ่งเป็นที่ตั้ง มากกว่าจะมองกันที่ความสวยงามฟุ้งเฟ้อ
นับแต่นั้นมาพระองค์ก็ได้พระราชทานเรื่อยมา โดยทุกข้อความและถ้อยคำที่ปรากฏอยู่ใน ส.ค.ส. พระราชทานแต่ละปี จะประมวลขึ้นจากสภาพเหตุการณ์บ้านเมือง โดยมุมหนึ่งได้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่ประเทศชาติต้องประสบในรอบระยะ ๑ ปีที่ผ่านมา ซึ่งถึงแม้ว่าคำอวยพรดังกล่าวจะเป็นเพียงถ้อยคำสั้น ๆ แต่ก็มากด้วยคุณค่า ความหมายและคติเตือนใจที่มุ่งเน้นในการกระตุ้นเตือนให้ประชาชนชาวไทยมีขวัญ กำลังใจ ต่อสู้ และฝ่าฟันอุปสรรคที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าอย่างไม่ย่อท้อ
และนั้นก็ถือได้ว่าเป็นโชคดีของคนไทยอย่างหาที่สุดมิได้ที่ได้รับข้อความอวยพรของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เป็นที่รักของพวกเราชาวไทย ที่ทำให้เรามีกำลังใจในการดำเนินชีวิตเริ่มต้นปีใหม่อย่างหาที่สุดมิได้และไม่มีที่ใดในโลกนี้ที่พระมหากษัตริย์จะใกล้ชิดกับประชาชนอย่างประเทศไทย ดังนั้นเราทุกคนจึงพูดได้อย่างภาคภูมิใจว่าโชคดีที่เกิดเป็นคนไทย
ขอบคุณที่มา : มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย ZOG ZAG Magazine และ
https://www.facebook.com/#!/raorukcholpratan